โปรแกรมต้นทุนตามงาน Impress Job Cost Control
:: โปรแกรมระบบต้นทุนตามงาน ::
โปรแกรมระบบต้นทุนตามงานเป็นระบบที่ช่วยคำนวณหาต้นทุนที่ถูกต้องทางบัญชี สามารถใช้ได้กับงานด้านการผลิต หรือ งานด้านบริการ โปรแกรมสามารถปันส่วนค่าใช้จ่าย (allocation cost) ตามหน่วยงาน
คุณสมบัติและรายละเอียดโปรแกรมบัญชีต้นทุนตามงาน
- รองรับการผลิตสินค้าทั้งกรณีที่มีความจำเป็นต้องมีสูตรสำหรับผลิตสินค้าสำเร็จรูปหรือสินค้าระหว่างผลิตและกรณีที่ไม่สูตรการผลิต
- คำนวณต้นทุนที่ใช้ในการผลิตสินค้า
- รายงานต้นทุนการผลิตแยกตามงาน
- รายงานสินค้าที่อยู่ระหว่างการผลิต (Work In Process)
- รายงานสินค้าที่ผลิตเสร็จ (Finished Goods)
- รายงานเปรียบเทียบต้นทุนมาตรฐานกับต้นทุนจริง
- กำหนดโครงสร้างของสูตรการผลิตได้หลายระดับ (Multi-Level BOM)
- กำหนดสูตรของต้นทุนมาตรฐานได้ (Standard Cost)
- สามารถใช้สูตรเป็นเครื่องมือในการกำหนดราคาขายผลิตภัณฑ์ได้
- สร้างใบสั่งงานผลิตตามสูตร สามารถปรับปัจจัยการผลิตที่ใช้ในแต่ละงาน
- บันทึกรับสินค้าสำเร็จรูปตัดงานระหว่างทำตามสูตร/ตามใบสั่งงานให้อัตโนมัติ
- Hybrid-product Costing
- ต้นทุนทางตรง
- ต้นทุนที่เกิดจากการปันส่วน
กำหนดเกณฑ์ที่ใช้ในการปันส่วนได้ทั้งวัตถุดิบ,ค่าแรง,ค่าใช้จ่ายในการผลิต
Bill Of Material (สูตรการผลิต)
- DM (Direct Material)
- DL (Direct Labour)
- IL (Indirect Labour)
- OH (Fixed Overhead)
- VO (Variable Overhead)
โปรแกรมต้นทุน Impress Activity Based Costing
คุณสมบัติและรายละเอียดโปรแกรมต้นทุนตามกิจกรรม
- คำนวณต้นทุนต่อหน่วยที่ใช้ในการผลิตสินค้าและเป็นเครื่องมือสำหรับฝ่ายจัดการ
- รองรับการผลิตสินค้าทั้งกรณีที่มีความจำเป็นต้องมีสูตรสำหรับผลิตสินค้าสำเร็จรูปหรือสินค้าระหว่างผลิตละกรณีที่ไม่สูตรการผลิต
- รองรับธุรกิจทั้งผลิตสินค้าและธุรกิจที่ให้บริการ
- บทบาทของต้นทุนตามกิจกรรมทำให้หน่วยงานบัญชีและหน่วยงานอื่นทำงานร่วมกันอย่างใกล้ชิด
- ขจัดความยุ่งยากและข้อขัดแย้งในการคำนวณต้นทุนต้นทุนที่ได้สะท้อนภาพการจัดการ
- ปรับปรุงงานขององค์กรให้ดีขึ้นอย่างต่อเนื่อง
- กระบวนการจัดทำต้นทุนการผลิตตามกิจกรรมกำหนดศูนย์การผลิต
- กำหนดผลงานของแต่ละศูนย์การผลิต
- กำหนดกิจกรรมของแต่ละผลงาน
- กำหนดทรัพยากรที่ต้องใช้ในแต่ละกิจกรรม
- กำหนดศูนย์สนับสนุนการผลิต
- กำหนดผลงานของแต่ละศูนย์สนับสนุนการผลิต
- กำหนดกิจกรรมของแต่ละประเภทบริการ
- กำหนดทรัพยากรที่ต้องใช้ในแต่ละกิจกรรม
- กำหนดนโยบายบัญชีต้นทุน
- กำหนดประเภทผลผลิต
- กำหนดรูปแบบรายงานและเอกสารแบบฟอร์มรายงานเพื่อการตรวจสอบ
- รายงานเพื่อการใช้งาน
- :: โปรแกรมระบบต้นทุนฐานกิจกรรม ::
- 1.สามารถทราบถึงต้นทุนที่เกิดขึ้นจริงในภาพรวมของผลผลิตแต่ละชนิดที่ผลิต(Product) หรือบริการแต่ละประเภทที่ขายสำหรับลูกค้าแต่ละราย หรือการ ปฏิบัติงานแต่ละประเภท เช่นการจัดซื้อวัตถุดิบในแต่ละ Lot การขายสินค้าให้กับ ลูกค้าแต่ละรายหรือแต่ละเขตการขาย การจัดหาบุคคลากรแต่ละรุ่น หรือต้นทุนโครงการก่อสร้างแต่ละ Project 2. สามารถทราบได้ว่าต้นทุนของผลผลิต หรือบริการ ตามข้อ 1. เกิดขึ้นในขั้นตอนการผลิตใด และมีต้นทุนขั้นตอนละเท่าใดของกระบวนการผลิต หรือการ ปฏิบัติงาน เพื่อให้ได้มาซึ่งผลผลิตหรือ ความสำเร็จของงาน ตามข้อ 1. 3. สามารถทราบได้ว่าต้นทุนของแต่ละกิจกรรมที่ต้องปฏิบัติในแต่ละขั้นตอนตามข้อ 2. มีต้นทุนกิจกรรมละเท่าไร
- สินค้าสำเร็จรูป
- งานระหว่างทำ
- ผลพลอยได้
- สินค้าเกรดของเสีย
4. สามารถทราบได้ว่า ต้นทุนของแต่ละกิจกรรมตามข้อ 3. ประกอบด้วย ปัจจัยการผลิตอะไรบ้าง และมีต้นทุนชนิดละเท่าไร นอกจากนี้ยังทราบถึงองค์ประ กอบของค่าใช้จ่ายที่ต้องเสียไปทั้งทางตรง และ ทางอ้อม จากการปฏิบัติงานดัง กล่าวอย่างมีนัยสำคัญ
5. จากข้อมูลที่ได้ในข้อที่ 4. จะทำให้ท่านสามารถพิจารณาความเหมาะสม และความจำเป็นของแต่ละกิจกรรมที่ต้องกระทำในข้อ 4. ว่าจะคงอยู่ หรือตัดออก หรือ ลดขนาดของปฏิบัติงาน หรือเพิ่มงานที่มองข้ามไปเพื่อเพิ่มผลผลิต หรือเพิ่ม คุณภาพของผลผลิต แล้วแต่กรณี ทั้งนี้เพราะว่า ปริมาณผลผลิตก็ดี คุณภาพผล ผลิตก็ดี ปริมาณผลพลอยได้ก็ดี ปริมาณความสูญเสียก็ดี ตลอดจนต้นทุนของผล ผลิตจะเปลี่ยนแปลงน้อยมาก หากไม่เปลี่ยนแปลงกิจกรรมที่ทำ
6. ท่านสามารถปรับปรุงกิจกรรมในกระบวนการผลิต การปฏิบัติงาน ให้มี ประสิทธิภาพที่สอดคล้องกับสภาพแวดล้อมที่เปลี่ยนไปอย่างเหมาะสม
: